วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คำถามท้ายบท

1.คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท
ตอบ 1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด
จึงราคาแพงมาก ความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้มากกว่า พันล้านคำสั่งต่อวินาที ตัวอย่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น การพยากรณ์อากาศการทดสอบทางอวกาศ และงานอื่น ๆ ที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน



2.คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (mainframe computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์เมนเฟรม นิยมใช้กับองค์การขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึง ข้อมูลของผู้ใช้จำนวน มากในเวลาเดียวกันเช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียน ของนักศึกษา เป็นต้น


3.มินิคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (minicomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยกว่า เมนเฟรมแต่สูงกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ และสามารถรองรับการทำงาน จากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงาน ที่แตกต่างกัน จากจุดเริ่มต้นใน การพัฒนา ที่ต้องการให้ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำงานเฉพาะอย่าง เช่น การคำนวณทางด้านวิศวกรรม ทำให้การพัฒนามินิคอมพิวเตอร์ เจริญอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันธุรกิจและองค์การหลายประเภทนิยมนำ มินิคอมพิวเตอร์มา ใช้ในการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า เช่น การจองห้องพักของโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์ เครือข่ายซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ( เช่น เครื่องพิมพ์แลอุปกรณ์อื่น ๆ )



4.ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมใช้แพร่หลายมากที่สุด ส่งผลให้การพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มีลักษณะและรูปแบบ ที่แตกต่างกัน เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ( desktop computer ) คอมพิวเตอร์พกพา ( portable computer ) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้



5.คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer ) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
2.คอมพิวเตอร์แบบฝังคืออะไร
ตอบ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังในอุปกรณ์ต่างๆทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์นิยมใช้งานเฉพาะด้านเช่น เตาอบไมโครเวฟ โทรศัพท์เคลื่อนที่
3.ข้อมูลและสารสนเทศ ต่างกันอย่างไร
ตอบ ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ก็ได้. ข้อมูลที่ดีจะต้องมีความถูกต้องแม่นยำ และเป็นปัจจุบัน เช่น ปริมาณ ระยะทาง ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ คะแนนของนักเรียน รายงาน บันทึก ฯลฯสารสนเทศ คือ เป็นผลลัพธ์ของกระบวนการและการจัดการข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น สารสนเทศมีความหมายหรือแนวคิดที่กว้าง และหลากหลาย ตั้งแต่การใช้คำว่าสารสนเทศในชีวิตประจำวัน จนถึงความหมายเชิงเทคนิค ตามปกติในภาษาพูด แนวคิดของสารสนเทศใกล้เคียงกับความหมายของการสื่อสาร เงื่อนไข การควบคุม ข้อมูล รูปแบบ คำสั่งปฏิบัติการ ความรู้ ความหมาย สื่อความคิด การรับรู้ และการแทนความหมาย
4. VLSI คืออะไร สำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร
ตอบ VLSI ย่อมาจาก Very Large-Scale Integration คือ แผงวงจรขนาดใหญ่มากซึ่งทำให้เกิด Microprocessor ตัวแรกของโลก คือ Intel 4004สำคัญมากสำหรับคอมพิวเตอร์ เพราะมันคือ CPU ซึ่งเปรียบเหมือนหัวใจของคอมพิวเตอร์
5.นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง
ตอบ 1.หาข้อมูลข่าวสาร
2.ทำงาน
3.เล่นเกม ฟังเพลง ฟังวิทยุ
4.ช่วยในการเตือนความจำ

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิชาพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์

วันที่13 มิ.ย. 51
1.“ Software Park Annual Conference 2008 ”
งานสัมมนาครั้งสำคัญ สำหรับคนไอที และผู้สนใจไอที “ ร่วมสัมมนา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ”
เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย ขอเชิญท่านผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ที่อยู่ในสายงานไอที และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมงานสัมมนาและนิทรรศการใหญ่ประจำปีครั้งสำคัญ “ Software Park Annual Conference 2008 ” วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2551 ณ ห้องบอลล์รูม ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 8.30 – 17.00 น.พลาดไม่ได้ กับการสัมมนาไอทีที่เข้มข้นโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยเติมเต็มศักยภาพทางธุรกิจและก้าวทัน การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตัล
งานเดียว ที่รวบรวมนวัตกรรม และผลงานเด่นด้านไอทีฝีมือคนไทย ที่ได้รับรางวัลระดับชาติ และจากเวทีนานาชาติ
พบกับ บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำ บริษัทที่ปรึกษาฯ ศูนย์อบรมและศูนย์สอบไอที ที่พร้อมให้คำแนะนำ ทั้งในการประยุกต์ ใช้ไอที และการพัฒนาทักษะบุคลากรให้เป็นมืออาชีพด้านไอที
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่
www.swpark.or.th/swpconference2008



วันที่13 มิ.ย. 51
2.เขียนซีดีให้ได้ Over ถึง 850 MB

ปกติแล้วแผ่นซีดี 1 แผ่นจะเก็บข้อมูลได้สูงสุดไม่เกิน 700 MB แต่วันนี้นายเกาเหลาจะขอสร้างปาฏิหาริย์ ด้วยการเขียนข้อมูลให้ได้ความจุถึง 850 MB บอกก่อนนะครับว่าไม่ได้โม้ แต่ทำได้จริง ก่อนอื่น CD-Writer ของคุณจะต้องรองรับเขียนแผ่นแบบ Overburn หรือเขียนแบบ Oversize ได้ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว CD-Writer ในปัจจุบันก็สามารถใช้งานแบบนั้นได้อยู่แล้ว (นอกเสียจากว่า CD-Writer จะเป็นรุ่นเจ้าคุณทวด อันนี้ก็คงต้องบายทิปนี้ไป)
คราวนี้ให้เปิดโปรแกรม Nero Express ไปเมนู Configure แล้วไปที่ TAB General จากนั้นมาที่รายการ Status bar ในหัวข้อ Yellow marker ใส่ตัวเลข 80 ส่วนช่อง Red marker ใส่ตัวเลข 99 จากนั้นมาที่ TAB Expert Features ใส่เครื่องหมายถูกหน้าข้อความ Enable Overburn Disk- at- onc และในช่อง Maximum CD size ใส่เลข 99 ลงไปครับ ที่นี้เรามาลอง
เขียนแผ่นซีดีดู โดยตัวอย่างนี้ผมจะเลือกไฟล์ขนาด 850 MB มาลองเขียนลงไปบนแผ่นซีดีขนาด 700 MB อย่าลืมเลือกการเขียนแผ่นแบบ Disk-at-once จากนั้นก็ Burn แผ่นได้เลย
ระบบจะแจ้งว่า Over Burn Writing ซึ่งก็ไม่ต้องตกใจอะไรเพราะนี่คือการเขียนเกินขอบเขตของระบบ ทำให้คอมพ์มันถามยืนยันว่าจะเขียนแน่เหรอ...เราก็ตอบไปว่าแน่นอน โดยกดที่ปุ่ม Write Overburn Disc แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับท่าน
แน่นอนว่าเมื่อมีดีมันก็ย่อมมีเสีย โดยข้อเสียของการทำ Overburn คือ มันอาจจะทำให้มีการกระตุก หากมีการใช้งานกับไดรฟ์ CD-Rom บางรุ่น (ที่อาจจะไม่รองรับการเขียน-อ่าน Overburn) หรือบางทีอาจจะอ่านไม่ได้เลยก็มีเพราะมันไม่สามารถเคลื่อนหัวอ่านไปถึงพื้นที่บางจุดบนแผ่น เช่น ขอบด้านนอกของแผ่น เป็นต้นครับ...แต่ถ้าจำเป็นต้องบันทึกข้อมูลใหญ่ๆ เช่นนี้จริงๆ
นายเกาเหลาว่าข้อดียอมมีกว่าข้อเสียนะครับ
ที่มา http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=6&ofsy=2008&id=407465